ประกันสะสมทรัพย์ คือ
ประกันสะสมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตประเภทหนึ่งที่ผสมระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน เข้าไว้ด้วยกัน โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยประกันตามกำหนด และเมื่อครบสัญญา ก็จะได้รับเงินคืนเป็นก้อน พร้อมความคุ้มครองตลอดระยะเวลาในกรมธรรม์
ตอนที่ 1 : ประกันสะสมทรัพย์ต่างจากประกันชีวิตทั่วไปยังไง
ตอนที่ 2 : ใครบ้างที่เหมาะกับประกันสะสมทรัพย์?
ตอนที่ 3 : เปรียบเทียบประกันสะสมทรัพย์กับการออมเงินแบบอื่น
ตอนที่ 4 : เลือกประกันสะสมทรัพย์ยังไงให้คุ้มค่าและตอบโจทย์
ตอนที่ 5 : จุดเด่นของประกันสะสมทรัพย์
ตอนที่ 6 : สรุป
ประกันสะสมทรัพย์ ต่างจากประกันชีวิตทั่วไปยังไง
แม้ทั้งสองแบบจะเป็นประกันชีวิตเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้ว จุดประสงค์ ของประกันแต่ละประเภทต่างกันอย่างชัดเจน
- จุดประสงค์หลักต่างกัน
- ประกันออมทรัพย์ เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อ “ออมเงิน” ไปพร้อมกับ “คุ้มครองชีวิต” คุณจะได้ทั้งเงินคืนระหว่างสัญญา และเงินก้อนเมื่อครบกำหนด ถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนที่อยากเก็บเงินแบบมีเป้าหมาย
- ประกันชีวิตทั่วไป (แบบชั่วระยะเวลา) เน้นเรื่อง “คุ้มครองชีวิตอย่างเดียว” ถ้าผู้เอาประกันเสียชีวิตในช่วงคุ้มครอง ถึงจะได้รับเงินชดเชย ถ้าไม่เสียชีวิต เบี้ยที่จ่ายไปจะหมดสิทธิ์ทันทีเมื่อหมดอายุสัญญา
- เงินคืน / ผลตอบแทน
- ประกันออมทรัพย์มักจะมี “เงินคืนระหว่างสัญญา” เช่น คืนปีละ 2-5% หรือมีเงินก้อนเมื่อครบสัญญา
- ประกันชีวิตทั่วไปไม่มีการคืนเงินเลย หากผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา
- เบี้ยประกัน
- ประกันออมทรัพย์จะมีเบี้ยที่ “สูงกว่า” เพราะเป็นทั้งการออมและประกันชีวิต
- ประกันชีวิตทั่วไปมีเบี้ย “ถูกกว่า” เพราะจ่ายเพื่อความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว
- ความยืดหยุ่น
- ประกันชีวิตทั่วไปสามารถเลือกจำนวนปีที่คุ้มครองได้หลากหลาย เช่น 5 ปี 10 ปี หรือถึงอายุ 60 ปี
- แต่ประกันออมทรัพย์จะมีระยะที่ตายตัว เช่น จ่ายเบี้ย 6 ปี คุ้มครอง 10 ปี ต้องจ่ายต่อเนื่องถึงครบสัญญา ไม่อย่างนั้นอาจเสียสิทธิ์
ใครบ้างที่เหมาะกับประกันสะสมทรัพย์
ประกันออมทรัพย์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่สำหรับบางกลุ่มคนแล้ว นี่คือเครื่องมือทางการเงินที่ตอบโจทย์มากโดยเฉพาะคนที่ต้องการความมั่นคงและวินัยในการออมเงิน
กลุ่มคนที่เหมาะกับ ประกันสะสมทรัพย์
- คนที่อยากออมเงินแบบมีเป้าหมาย
คนที่มีเป้าหมายออมเงิน เช่น ซื้อบ้าน, เก็บเงินให้ลูกเรียน, หรือมีเงินก้อนใช้ตอนเกษียณ ประกันออมทรัพย์ช่วยให้คุณออมได้ต่อเนื่องและมีเงินคืนระหว่างทาง รวมถึงได้ก้อนใหญ่ตอนครบสัญญา
- มนุษย์เงินเดือนที่อยากลดหย่อนภาษี
สำหรับคนที่มีรายได้ประจำและต้องการลดภาระภาษี การซื้อประกันออมทรัพย์สามารถนำเบี้ยไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี (ตามเกณฑ์กรมสรรพากร)
- คนที่มีวินัยน้อยในการออมเงิน
หลายคนตั้งใจจะเก็บเงิน แต่พอเวลาผ่านไป เงินก็หายไปกับค่าใช้จ่ายต่างๆประกันออมทรัพย์ช่วย บังคับออม ด้วยการจ่ายเบี้ยรายปีหรือรายเดือน และมีผลตอบแทนในอนาคต ทำให้ไม่เผลอใช้เงินเก็บก่อนเวลา
- ผู้ปกครองที่อยากวางแผนการศึกษาให้ลูก
อยากเก็บเงินส่งลูกเรียนในอนาคต แต่กลัวใช้เงินไม่เป็นระบบ? ประกันออมทรัพย์ที่มีระยะเวลา 10–20 ปี ช่วยสร้างเงินก้อนให้ลูกตอนโตได้อย่างมั่นใจ
- คนที่ชอบความแน่นอน ไม่ชอบความเสี่ยง
ถ้าคุณไม่ชอบลงทุนในหุ้น กองทุน คริปโต หรือ world lotto หวย เพราะความผันผวนประกันออมทรัพย์คือทางเลือกที่ปลอดภัย มีความชัดเจนเรื่องผลตอบแทน แม้ไม่มากแต่มั่นคง
เปรียบเทียบ ประกันสะสมทรัพย์ กับการออมเงินแบบอื่น
ประกันสะสมทรัพย์
1.) จุดเด่นหลัก
- ออมเงินพร้อมคุ้มครองชีวิต
- ได้เงินคืนระหว่างสัญญา
- มีเงินก้อนเมื่อครบกำหนด
2.) ความเสี่ยง
- ความเสี่ยงต่ำมาก
- ผลตอบแทนแน่นอนตามสัญญา
3.) ผลตอบแทน
- ปานกลาง
- ได้ทั้งระหว่างสัญญาและตอนจบ
4.) ลดหย่อนภาษี
- ✅ ได้ (สูงสุด 100,000 บาท/ปี)
5.) คุ้มครองชีวิต
- ✅ มีความคุ้มครองชีวิต
6.) ถอนเงินก่อนครบกำหนด
- ❌ ไม่แนะนำ (อาจไม่ได้รับผลตอบแทนเต็มจำนวน)
7.) เหมาะกับใคร
- คนที่อยากออมเงินระยะกลาง-ยาว
- อยากได้เงินคืน + ความคุ้มครอง + ลดหย่อนภาษี
ฝากประจำ
1.) จุดเด่นหลัก
– ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์
– เหมาะกับคนต้องการเก็บเงินระยะสั้น
2.) ความเสี่ยง
– ความเสี่ยงต่ำ
– เงินต้นไม่หาย
3.) ผลตอบแทน
– ค่อนข้างต่ำ
– ดอกเบี้ยน้อยกว่ากองทุนหรือประกันออมทรัพย์
4.) ลดหย่อนภาษี
- ❌ ไม่ได้
5.) คุ้มครองชีวิต
- ❌ ไม่มี
6.) ถอนเงินก่อนครบกำหนด
- ✅ ได้ (แต่จะเสียดอกเบี้ยบางส่วน)
7.) เหมาะกับใคร
- คนที่ต้องการเก็บเงินแบบมีวินัย
- ไม่ต้องการเสี่ยง
เลือก ประกันสะสมทรัพย์ ยังไงให้คุ้มค่าและตอบโจทย์
การเลือก ประกันออมทรัพย์ ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของคุณ ไม่ใช่แค่เลือกแบบที่จ่ายถูกที่สุดใน หวยไว แต่ควรดูหลายปัจจัยประกอบกัน เพื่อให้คุณ “ออมอย่างมีประสิทธิภาพ + ได้ความคุ้มครอง + ผลตอบแทนคุ้มค่า” ไปพร้อมกัน
🎯 ตั้งเป้าหมายก่อนว่าอยากได้อะไรจากประกัน
- เก็บเงินเพื่อส่งลูกเรียน?
- อยากมีเงินใช้หลังเกษียณ?
- ต้องการลดหย่อนภาษี?
- อยากมีเงินก้อนช่วงอายุ 40 หรือ 60?
🕐 เลือกแบบระยะเวลาที่สอดคล้องกับรายได้
- แบบออมระยะสั้น (5-7 ปี) เหมาะกับคนมีรายได้มั่นคง ต้องการผลตอบแทนไว
- แบบระยะยาว (10-20 ปี) เหมาะกับคนที่วางแผนการเงินระยะยาว เช่น ออมเพื่อเกษียณ
- บางแบบมี “จ่ายสั้นคุ้มครองยาว” ซึ่งน่าสนใจมากหากอยากลดภาระการจ่ายเบี้ย
💰 ดูอัตราเงินคืนและผลตอบแทนรวม (IRR)
- บางแผนจ่ายเบี้ยเท่ากันแต่เงินคืนต่างกัน
- ให้ดูตัวเลข ผลตอบแทนรวมตลอดสัญญา เปรียบเทียบหลายแผนก่อนตัดสินใจ
- ดูว่าได้เงินคืนระหว่างสัญญาหรือรับก้อนเดียวตอนสุดท้าย แบบไหนเหมาะกับคุณ
🧾 เช็กสิทธิ์ลดหย่อนภาษี
- ถ้าคุณมีรายได้เกินเกณฑ์เสียภาษี การเลือกประกันที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้จะ “คืนเงิน” ให้คุณทางอ้อมทุกปี
- ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท/ปี
📊 เลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือและบริการดี
- บริษัทประกันต้องมีความมั่นคงทางการเงิน
- บริการหลังการขายดี มีตัวแทนที่อธิบายเข้าใจง่าย ไม่เร่งขาย
- อ่านรีวิว หรือเลือกผ่านตัวแทนที่คุณไว้ใจได้
📄 อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ให้เข้าใจ
- ตรวจสอบว่าเบี้ยต้องจ่ายกี่ปี คุ้มครองถึงเมื่อไหร่
- ถอนเงินได้ไหม? มีค่าธรรมเนียมหรือเงื่อนไขพิเศษหรือเปล่า
- บางแบบมีโบนัสพิเศษเมื่อครบสัญญา (ให้ดูว่าคิดจากอะไร)
จุดเด่นของประกันสะสมทรัพย์
- ได้เงินคืนตามแผนแน่นอน
- มีความคุ้มครองชีวิต
- ใช้ลดหย่อนภาษีได้
- เหมาะกับแผนออมเงินระยะกลาง – ยาว
- ความเสี่ยงต่ำ
- เงินต้นไม่หาย
- มีแบบหลากหลายให้เลือกตามเป้าหมาย
สรุป
ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ดีสำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางไปถึงสูง เพราะเป็นการลงทุนความเสี่ยงของร่างกายที่สามารถควบคุมได้และสามารถได้เงินก้อนหลังจากหมดสัญญาอีกด้วยใครที่สนใจแบบไหนก็ลงทุนได้เลยครับ