ประกัน พูดสั้นๆแต่เนื้อหายาวมากๆครับ เพราะประกันในโลกนี้มีเยอะมากมายเต็มไปหมด แถมมีแผนเยอะสุดๆ แต่เอาเถอะครับ วันนี้ใครสงสัยเกี่ยวกับประกัน ถูกสรุปมาแบบยาวไม่มากให้เรียบร้อยครับ

จะซื้อ ประกัน อย่างแรกต้องรู้อะไร ?
ประกันต่างๆ ไม่ว่าจะอะไรก็ตามสิ่งแรกที่ต้องรู้ไม่ใช่เรื่องการทำประกันอะไร หรือแบบไหนดี แต่คือ เรื่องของ “เงิน” ครับ
บางคนจ่ายประกันจนไม่มีเงินกินข้าว หรือต้องแบกภาระไว้หนักเกินไปจนไม่สามารถทำอะไรที่ต้องการในชีวิตได้ สำหรับเรื่องเงิน แนะนำให้ทำประกันไม่เกิน 10-15% ของรายได้ต่อเดือน ถือเป็นขอบเขตที่เหมาะสมและยืดหยุ่นในการวางแผนทางการเงินมากที่สุดครับ
จะทำประกันอะไรก็แล้วแต่ ห้ามเกิน 10-15% ของรายได้ต่อเดือนครับ ถ้าประกันปีละ 30,000 ก็เอามาหาร 12 เลย = 2,500 ถ้ามีรายได้น้อยกว่า 25,000 ก็ลดแพคเกจลงไปเลยครับ
ใครที่สามารถรับภาระจำนวน % ได้มากกว่านี้ก็สามารถเพิ่มขึ้นได้ครับ แต่ต้องรู้ไว้ด้วยนะครับว่าต้องแบกจำนวน % นี้ไปตลอดชีวิตครับ ซึ่งถ้าเพิ่มยังไงก็หนัก เลยแนะนำที่ 10-15% ก็พอครับ และอายุเพิ่มขึ้นเบี้ยประกันก็จะเพิ่มตามด้วย ตัว%ยังไงก็เพิ่มครับ แต่ถ้าใครมีวิธีหาเงินได้เพิ่ม จะเล่นหวยไว หรือถูกหวยรางวัลที่ 1 ทำงานเสริมอะไรก็แล้วแต่ก็เก็บไว้จ่ายตอนอายุเยอะๆดีกว่าครับ
ประกัน มีแบบไหนบ้าง (ข้อนี้ยาว)
- ประกันชีวิต (Life Insurance)
ประกันชีวิต คือ การคุ้มครองชีวิตผู้เอาประกันจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การเสียชีวิต หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง
- ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance): คุ้มครองชีวิตผู้เอาประกันตลอดชีวิต โดยจะจ่ายผลประโยชน์ในกรณีเสียชีวิต
- ประกันชีวิตแบบระยะเวลา (Term Life Insurance): คุ้มครองชีวิตในระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 10, 20 ปี) ถ้าผู้เอาประกันเสียชีวิตในระยะเวลานั้นจะได้รับเงินประกัน
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance): คุ้มครองชีวิตและมีการสะสมเงินเพื่อให้เงินคืนเมื่อครบกำหนด หรือกรณีเสียชีวิตก่อน
- ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงค์ (Unit-linked Insurance): คุ้มครองชีวิตและมีการลงทุนในกองทุน ซึ่งเงินส่วนหนึ่งจะไปลงทุนในตลาดหุ้นหรือตราสารหนี้
- ประกันชีวิตแบบลดหย่อนภาษี (Tax Saving Life Insurance): ประกันที่มีผลประโยชน์ทางภาษี เช่น ประกันชีวิตแบบที่สามารถหักลดหย่อนภาษี
- ประกันภัย (General Insurance)
ประกันภัย จะคุ้มครองความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน หรือภัยธรรมชาติ
2.1 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ ทรัพย์สิน
- ประกันภัยบ้าน (Home Insurance): คุ้มครองบ้านและทรัพย์สินในบ้านจากอัคคีภัย, การโจรกรรม, น้ำท่วม ฯลฯ
- ประกันภัยทรัพย์สิน (Property Insurance): คุ้มครองทรัพย์สิน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, สิ่งของมีค่า จากการสูญหายหรือความเสียหาย
- ประกันภัยเช่าบ้าน (Renters Insurance): คุ้มครองทรัพย์สินที่เช่าจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม
2.2 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ ยานยนต์
- ประกันภัยรถยนต์ (Car Insurance): คุ้มครองรถยนต์จากการเสียหายหรืออุบัติเหตุ
- ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (Third Party Insurance): ประกันภัยขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดให้มี คุ้มครองบุคคลที่สามในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (Comprehensive Insurance): คุ้มครองทั้งตัวรถยนต์และบุคคลที่สาม รวมถึงอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1: คุ้มครองอย่างครบถ้วน รวมถึงการชน, โจรกรรม, ไฟไหม้ ฯลฯ
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2: คุ้มครองบางกรณี เช่น การชนกับยานพาหนะอื่นๆ
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3: คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุโดยบุคคลที่สาม
2.3 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ สุขภาพ
- ประกันสุขภาพ (Health Insurance): คุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เช่น การรักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา
- ประกันสุขภาพแบบเบิกจ่ายตามจริง (Reimbursement): ให้ความคุ้มครองตามค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น
- ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย (Indemnity): จ่ายเงินคืนตามวงเงินที่กำหนด
- ประกันภัยการรักษาพยาบาลระยะยาว (Long-term Care Insurance): คุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลระยะยาว เช่น การดูแลผู้สูงอายุ
- ประกันการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Elderly Care Insurance): ประกันสุขภาพเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะโรคที่มักเกิดในช่วงอายุนี้
2.4 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ อุบัติเหตุ
- ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance): คุ้มครองจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง (Travel Accident Insurance): คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
2.5 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ การเดินทาง
- ประกันภัยการเดินทาง (Travel Insurance): คุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างการเดินทาง เช่น การยกเลิกเที่ยวบิน การสูญหายของกระเป๋า หรือการเจ็บป่วย
- ประกันภัยเที่ยวต่างประเทศ (International Travel Insurance): คุ้มครองสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ
2.6 ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจและการค้า
- ประกันภัยธุรกิจ (Business Insurance): คุ้มครองความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น คุ้มครองสินค้า, คุ้มครองพนักงาน, คุ้มครองความเสียหายทางทรัพย์สิน
- ประกันภัยความรับผิดทางธุรกิจ (Liability Insurance): คุ้มครองในกรณีที่ธุรกิจหรือพนักงานเกิดความผิดพลาดในการทำงาน
2.7 ประกันภัยอื่นๆ
- ประกันภัยสัตว์เลี้ยง (Pet Insurance): คุ้มครองสัตว์เลี้ยงในกรณีที่ต้องรักษาพยาบาลหรือประสบอุบัติเหตุ
- ประกันภัยการชดเชยรายได้ (Income Protection Insurance): คุ้มครองรายได้ในกรณีที่ผู้เอาประกันไม่สามารถทำงานได้จากอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย
คุยแผนประกันกับตัวแทน
หลังจากได้หัวข้อประกันแล้ว ให้ไปหาตัวแทนที่ชื่อถือได้ครับ ไปคุยกับเขาว่าเราสนใจประกันอันนี้ๆ มีแผนอะไรที่เขาสามารถแนะนำเราได้บ้างในฐานะคนขายประกัน และสามารถนำประกันที่เราสนใจไปคุยได้กับทุกบริษัทเพื่อเปรียบเทียบได้เลยครับ
- เบี้ยประกันต่อเดือน / ปี
- คุ้มครองเท่าไหร่
- ต้องสำรองจ่ายก่อนไหม
- เฉพาะผู้ป่วยใน / นอก
- หรือเหตุเฉพาะอะไรบ้าง
- แบบไหนเครมได้ แบบไหนเครมไม่ได้
สรุป
สุดท้ายก็เอามาเปรียบเทียบกันและตัดสินใจเลือกประกันที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดครับ เพราะไม่มีอะไรที่ดีที่สุด มีแต่ประกันที่เข้ากับเรามากที่สุดครับ